}

เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 17.30-20.30น. วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00น.

คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์ ติดต่อเรา

คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์

รักษาโรคหวัด โรคหู ภูมิแพ้ ไซนัส โรคเส้นเลือดขอด แผลเรื้อรัง ทำเส้นฟอกไต ทำเส้นให้ยาเคมีบำบัด พอร์ตเคมีบำบัด ซ่อมเส้นฟอกไต
ยินดีบริการทุกท่าน ด้วยบุคลาการที่มีประสบการณ์ และ ความชำนาญ ทางด้านโรคหลอดเลือด และ หู คอ จมูก ที่พร้อมจะดูแลท่านประดุจบุคคลใกล้ชิด

หมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์

ศูนย์รักษาเส้นเลือดขอด

ทีมงานคลินิกหมอกิตติพันธุ์ – หมออมราภรณ์

บริการที่ท่านจะได้รับจากคลินิก

ตรวจประเมินสุขภาพ
ทางระบบหลอดเลือด และ หู คอ จมูก

ให้คำปริกษาการตรวจ
เฉพาะทางห้องทดลองและอัลตร้าซาวด์

รักษาโรคโดยแพทย์เฉพาะทาง

บริการที่สะดวกและตรงตามมาฐาน

}

คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์ 
ด้วยสถานที่สะอาดสบาย บนถนนสายหลักเชียงใหม่-ลำปางไปมาสะดวก

ท่านสามารถรับบริการได้ใน 
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 17.00-20.00น. และวันเสาร์ เวลา 09.00-12.00น.

ศูนย์ทำเส้นซ่อมเส้นฟอกไตภาคเหนือ
คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์

ศูนย์รักษาเส้นเลือดขอด
www.legveinclinicthailand.com

ทำเส้นให้ยาเคมีบำบัดพอร์ต (port)
คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์

การดูแลพอร์ต สำหรับพยาบาล คลินิก
หมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์

คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์ ที่อยู่: 111/66  หมู่ 2 ต.หนองหอย   อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000 
โทรศัพท์: 053-413-066 โทรศัพท์มือถือ: 085-866-8484

ความรู้โรคต่างๆ

คลินิกหมอกิตติพันธุ์-หมออมราภรณ์ รักษาโรคหวัด โรคหู ภูมิแพ้ ไซนัส โรคเส้นเลือดขอด แผลเรื้อรัง ทำเส้นฟอกไต ทำเส้นให้ยาเคมีบำบัด พอร์ตเคมีบำบัด ซ่อมเส้นฟอกไต

การทำเส้นฟอกไต

ยินดีต้อนรับสู่แผนกการเข้าสู่คลินิกเฉพาะทางทำเส้นฟอกไต หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ คุณหรือคนที่คุณรักอาจจะเตรียมตัวเพื่อฟอกเลือดเนื่องจากไตวาย แว๊ปไซด์นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างปลายแขน (AVF) ขั้นตอนสำคัญในการทำหัตการนี้

การทำเส้นฟอกไตถาวร หรือที่เรียกว่า AVF ( ย่อมาจากคำว่า arteriovenous fistula) คืออะไร?

การทำเส้นฟอกไตถาวร  (AVF) เป็นการเชื่อมต่อทางศัลยกรรมระหว่างหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ โดยปกติที่แขน การเชื่อมต่อนี้ทำให้เส้นเลือดดำขยายตัวในเวลาหลังจากนั้น ทำให้เหมาะสมสำหรับการใช้ฟอกเลือดอย่างสม่ำเสมอ

ภาพแสดงการแทงที่เส้นฟอกไตถาวร (AVF) แล้วนำเลือดเสียเข้าเครื่องไตเทียมแล้วหลังจากนั้นนำเลือดที่สะอาดกลับออกมาเข้าผู้ป่วย

ทำไมคุณต้องการเส้นฟอกไตถาวร AVF ?

การฟอกไตเป็นการล้างของเสียในร่างกายโดย ใช้เครื่องฟอกไตแทนไตที่เสียไปแล้ว การทำเส้นถาวรจะเป็น การทำให้ใส่เข็ม ล้างไตได้ง่ายขึ้น วิธีนี้เป็นวิธีดีที่ี่สุดในกระบวนการล้างไตโดยการฟอกเลือด เพราะนอกจากจะไม่สะดวกแล้ว ยังเจ็บแผลและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีก ด้วย  สรุปการทำเส้นฟอกไตถาวรนี้ให้ประโยชน์คือ

ความทนทาน: สามารถใช้ได้หลายปี

ความเสี่ยงการติดเชื้อต่ำ: มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าวิธีการทำฟอกเลือดอื่น ๆ

ท่านจะไม่จำเป็นต้องมีสายพลาสติกคาอยู่ที่ี่คอ หรือที่ขา อย่างการทำเส้นฟอกไตชั่วคราวหรือเส้นฟอกไตกึ่งถาวรเพื่อใช้ในการฟอกไต

ภาพแสดงการทำเส้นฟอกไตถาวรที่ต้นแขนขวา จะเห็นเส้นฟอกไตถาวรนูนขึ้นมา

ภาพแสดงการทำเส้นฟอกไตที่ข้อมือซ้าย จะเห็นเส้นฟอกไตถาวรนูนขึ้นมาอย่างชัดเจนสวยงาม

ภาพแสดงเส้นถาวร (AVF) ที่ขาซ้าย

ภาพแสดงผู้ป่วยได้รับการใส่เส้นฟอกไตชั่วคราวที่คอขวา สังเกตว่าเส้นชั่วคราวจะมีสายออกมานอกตัว ไม่สะดวกสบาย อาบน้ำก็ไม่ได้

 

ขั้นตอนการผ่าตัดมีอะไรบ้าง?

  • การเตรียมตัว: ผู้ป่วยอาจถูกขอให้งดอาหารสำหรับไม่กี่ชั่วโมงก่อนขั้นตอน โปรดติดตามคำแนะนำเฉพาะที่ได้รับจากทีมแพทย์ พยาบาลของคลินิกเรา
  • ระหว่างการผ่าตัด: ขั้นตอนการผ่าตัดภายใต้ยาชาเฉพาะที่หรือการฉีดยาเข้าที่เส้นประสาท (การบล็อกเส้นประสาท) ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ช่วงระหว่างทำการผ่าตัด คุณจะตื่นแต่จะรู้สึกเจ็บปวดน้อย
  • หลังการผ่าตัด: คุณจะถูกสังเกตจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหรือคลินิก โดยท่านจะได้รับยาแก้ปวดไปรับประทาน
  • ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง?
  • ในขณะที่การสร้างเส้นถาวร (AVF)เป็นเรื่องปกติ มีความเสี่ยงที่เป็นไปได้:
  • ที่สามารถเกิดทันทีได้แก่: การเลือดออก, การติดเชื้อ การชาจากการกระทบกระเทือนเส้นประสาท ในบางรายผู้ป่วยอาจจะมีอาการ มึนงง คลื่นไส้อาเจียนซึ่งอาจจะเกิดจากภาวะของเสียคั่งมากหลังจากการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคไต
  • ที่เกิดภายหลังการผ่าตัด: การสร้างเส้นถาวรที่แขนอาจไม่โต (immature) มีการติดเลือด

ท่านสามารถติดต่อทางคลินิกได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หากมีข้อกังวล

 

หลังการผ่าตัดจะเจออะไรบ้าง?

  • การฟื้นตัว: ความปวด ไม่สบายเล็กน้อยคาดว่าจะหายไปในไม่กี่วัน
  • การติดตาม: ทำความคุ้นเคยกับการสั่นบริเวณรอบแผลผ่าตัดเส้นฟอกไตถาวร การสั่นดังกล่าวบ่งบอกถึงว่าเส้นฟอกไตเริ่มทำงาน หากการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เช่นการสั่นหายไป อาจบ่งบอกถึงปัญหา ให้แจ้งคลินิกเรา
  • การใช้งานฟอกเลือด: การสร้างเส้นฟอกไตถาวร ต้องการเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ในก่อนที่จะพร้อมสำหรับการฟอกเลือด
  • การดูแลเส้นฟอกไตถาวร AVF ของคุณ ควรทำเช่นใด?

ความสะอาด: ทำความสะอาดและรักษาแผลให้แห้ง

หลีกเลี่ยงการกดดัน: ไม่นอนหลับทับแขนเส้นฟอกไตถาวร AVF หรือสวมเสื้อผ้า / เครื่องประดับที่แน่น รวมถึงไม่ให้เจาะเลือดไปตรวจในบริเวณเส้นฟอกไตถาวร

อาการหรือความผิดปกติที่ต้องสังเกต อาจจะต้องพบแพทย์

1.แผลผ่าตัดบวม แดง ร้อน มีหนอง/มีไข้
2.มีเลือดออกจากแผล
3.คลำ ”ฟู่” บริเวณผ่าตัดไม่ได้
4.มือข้างที่ผ่าตัดมีอาการปวดและเย็น  โดยเฉพาะเวลาฟอกไต

 

 

คำถามที่พบบ่อย:

  • จะเจ็บไหมช่วงผ่าตัด?

คุณอาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยหลังการผ่าตัด ซึ่งปกติจะหายไปอย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน

  • เส้นฟอกไตนี้จะทำให้ดูน่าเกลียดกับภาพลักษณ์ของร่างกายไหม?

บริเวณเส้นเลือดถ้าไม่มีปัญหาที่เส้นประการใด อาจถูกยกขึ้นและมองเห็นได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับการดำเนินชีวิต

ภาพแสดงเส้นฟอกไตถาวรที่แขนขวา

 

การทำเส้นฟอกไตถาวรจากเส้นเทียม (AVG ย่อมาจากคำว่า arteriovenous graft) คืออะไร?

เป็นท่อสังเคราะห์ พลาสติก ที่ปราศจากเชื้อเพื่อเชื่อมต่อหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ โดยปกติทำที่แขนหรือขา เพื่อใช้ในการทำเส้นฟอกเลือด

 

ทำไมคุณต้องการทำเส้นฟอกไตถาวรจากเส้นเทียม?

การทำเส้นฟอกไตถาวรซึ่งปกติจะต่อหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำโดยตรง  แต่ในรายที่ไม่มีหลอดเลือดดำ ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำการผ่าตัดเส้นฟอกไตถาวรได้ (AVF) จึงใช้เส้นเทียม ท่อพลาสติกมาต่อแทน แต่เส้นฟอกไตเทียมมีจุดเด่น จุดด้อยคือ

การใช้งานอย่างรวดเร็ว: สามารถใช้ได้เร็วกว่า AVF เส้นเลือดเทียมบางรุ่นสามารถใช้ฟอกไตได้ทันที

ความทนทาน: ออกแบบมาเพื่อใช้งานได้หลายปี แต่โดยปกติไม่นานเท่ากับ AVF

ราคาค่าเส้นเลือดเทียม อยู่ระหว่าง 15 000 – 30 000 บาท ต่อเส้น

เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นการฟอกเลือดเป็นขั้นตอนสำคัญ เราอยู่ที่นี่เพื่อแนะนำและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน ติดต่อคลินิกเราได้เสมอ  หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวล

การทำเส้นฟอกไตชั่วคราว

ยินดีต้อนรับสู่คลินิกเฉพาะทางทำเส้นฟอกไต  หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ คุณหรือคนที่คุณรักอาจจะต้องการฟอกเลือดเนื่องจากไตวาย เอกสารนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นฟอกไตชั่วคราว โดยเฉพาะเส้นฟอกไตกึ่งถาวร (สายอ่อน PermCath) และเส้นฟอกไตระยะสั้น (สายแข็ง) ซึ่งช่วยในการรักษานี้

เส้นฟอกไตชั่วคราวคืออะไร?

เส้นฟอกไตชั่วคราว การใส่สายสวนเข้าหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ในคอหรือหน้าอก เพื่อสามารถดูด ปล่อยเลือดเพื่อเข้าเครื่องฟอกเลือดได้

 

    ภาพซ้ายแสดงผู้ป่วยมีเส้นฟอกไตสายแข็งที่คอขวา        ภาพซ้ายแสดงผู้ป่วยได้รับการใส่เส้นฟอกไตสายอ่อนที่คอขวา

     

    ลักษณะสายชั่วคราวเมื่ออยู่นอกร่างกาย สายบนเป็นสายฟอกไตแบบสายอ่อน สายล่างเป็นแบบสายแข็ง

     

    ทำไมคุณต้องการเส้นฟอกไตชั่วคราว?

    ในสถานการณ์บางอย่าง ต้องการการฟอกเลือดโดยทันที โดยเฉพาะถ้าการเส้นฟอกไตถาวร (AVF) หรือ(AVG) ที่ผ่าตัดไปยังไม่ทำงาน หรือมีความต้องการฟอกเลือดอย่างเร่งด่วนเนื่องจากหน้าทีไตวายแย่ลงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ของเสียคั่งอย่างรุนแรง หัวใจวาย เป็นต้น

    ภาพแสดงผู้ป่วยขณะฟอกไตผ่านเส้นชั่วคราว

     

    คุณสมบัติของเส้นฟอกไตแต่ละประเภทมีเช่นใด?

    สายอ่อน (Perm Cath): ออกแบบสำหรับการใช้ระยะยาว เส้นฟอกไตนี้สามารถอยู่ได้นานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

    สายแข็ง ออกแบบใช้ในการฟอกไตระยะสั้น ในสายมีสองช่อง – ช่องหนึ่งดึงเลือดจากร่างกายเข้าเครื่องฟอกเลือด และอีกหนึ่งเพื่อส่งเลือดที่ถูกทำความสะอาดกลับไปยังร่างกาย

     

     

     

    ขั้นตอนการทำสายฟอกไตชั่งคราวมีอะไรบ้าง

    • การเตรียมตัว: คุณอาจถูกขอให้อดอาหารเพื่อการเตรียมตัวสำหรับการทำหัตถการ โปรดติดตามคำแนะนำใด ๆ ที่ให้โดยทีมแพทย์ของเรา

     

    • ระหว่างขั้นตอน: หลังจากการฉีดยาชาบริเวณผ่าตัด เส้นฟอกไตถูกเสียบเข้าไปในหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ กระบวนการนี้มักใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง

     

    • หลังขั้นตอน: คุณจะถูกสังเกตสำหรับระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้

    ภาพแสดงหลังการใส่สายกึ่งถาวรที่คอขวา

     

    ภาพแสดงผู้ป่วยได้รับการแทงสายฟอกไตชั่วคราวแบบแข็งด้านซ้ายของภาพ และภายหลังได้รับการใส่สายกึ่งถาวรแบบสายอ่อนขาซ้าย และเมื่อใส่สำเร็จจึงนำสายแข็งออก

    ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน มีอะไรบ้าง

    ในขณะที่การวางเส้นฟอกไตทั่วไปเป็นที่ปลอดภัย มีความเสี่ยงที่เป็นไปได้:

    เกิดทันที: เลือดออก, การติดเชื้อ, อากาศเข้าไปในช่องอก

    ภายหลัง: เส้นฟอกไตไม่ทำงาน, การติดเชื้อ

    กรุณาติดต่อ ทางคลินิกเราได้ตลอด หากมีข้อกังวล

     

     

    เส้นเลือดดำในอกตีบซึ่งมักเกิดจากการที่เคยใส่สายฟอกไตในอดีตมาก่อน ในกรณีในการทำแพทย์ต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างมากมิฉะนั้นเกิดหลอดเลือดฉีกขาด เลือดออกมากได้ ทางคลินิกมีอุปกรณ์ในการทำหัตถการทั้งมีภาพจากอัลตร้าซาวด์และภาพจากเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปี้ระบบดิจิตอลร่วมด้วย ทำให้ท่านปลอดภัยมากที่สุด

     

     

    หลังการใส่สายชั่วคราว

    การฟื้นตัว: ความไม่สบายเล็กน้อยคาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งปกติจะหายไปภายในไม่กี่วัน

    การตรวจสอบ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผลบริเวณเส้นฟอกไตยังคงสะอาดและแห้ง  หากสงสัยการติดเชื้อหรือการทำงานไม่เป็นปกติ สามารถติดต่อคลินิกเราได้

    การใช้เครื่องฟอกเลือด: เส้นฟอกไตสามารถใช้สำหรับการฟอกเลือดได้ทันทีหลังจากการใส่สาย

     

    การดูแลเส้นฟอกไตของคุณ:

    ความสะอาด: รักษาให้เส้นฟอกไตชั่วคราวท่านสะอาดและแห้ง

    หลีกเลี่ยงการกดดัน: อย่าดึงหรือใส่แรงกดทับบนเส้นฟอกไต

    ข้อปฏิบัติด้านการแพทย์: ใช้เส้นฟอกไตชั่วคราวเฉพาะสำหรับการฟอกเลือดเท่านั้น  หลีกเลี่ยงการเปียกน้ำ เช่น ในระหว่างการอาบน้ำ

     

    ข้อดี ข้อเสียของเส้นฟอกไตชั่วคราวมีอะไรบ้าง?

    สามารถใช้งานได้ทันที: เหมาะสำหรับความต้องการฟอกเลือดเร่งด่วน  จึงเป็นจุดแข็ง จะเหมาะมากโดยเฉพาะผู้ป่วยมีเส้นฟอกไตถาวร (AVF)  ที่ยังไม่พร้อมใช้งานหรือไม่เหมาะสม  แต่ข้อเสียสายนี้ถ้าใส่นานๆ จะทำให้หลอดเลือดในอกตีบตัน ทำให้การทำเส้นฟอกไตถาวรที่แขนไม่สามารถทำสำเร็จได้โดยง่าย ดังนั้นจะดีที่สุดคือการใส่สายชั่วคราวให้น้อยหรือสั้นที่สุด และรีบทำเส้นถาวรที่แขนโดยเร็ว

     

    คำถามที่พบบ่อย:

    • จะเจ็บไหม?

    คุณอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยระหว่างการใส่สายฟอกไตชั่วคราว แต่จะลดลงด้วยยาชา ยาแก้ปวด

    • จะอยู่ได้นานแค่ไหน?

    ขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นฟอกไตและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล แพทย์ของคุณจะให้คำแนะนำ

     

    เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นการฟอกเลือดเป็นขั้นตอนสำคัญ แพทย์ พยาบาล อยู่ที่นี่เพื่อแนะนำและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน ติดต่อคลินิกเราได้เสมอ  หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวล

    การทำพอร์ตให้ยาเคมีบำบัด

    ยินดีต้อนรับสู่คลินิกพิเศษทำเส้นให้ยาเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ คุณหรือคนที่คุณรักกำลังเตรียมตัวสำหรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ตรงนี้จะมีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับพอร์ต (port-a-cath) อุปกรณ์ที่ช่วยในการให้ยาเคมีบำบัด

     

    • พอร์ต (Port-a-Cath) คืออะไร?

    พอร์ต ในภาษาอังกฤษชื่อ Port-a-Cath (ที่มักเรียกว่า “port”) เป็นเหมือนตลับยาหม่องที่เป็นที่เก็บน้ำยาเล็ก ๆ ที่สามารถฝังไว้ใต้ผิวหนังได้และมีสายพลาสติก (ท่อซิลิโคนบางๆ) ที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดดำ พอร์ตสามารถช่วยในการให้ยาเคมีบำบัด โดยไม่ต้องเจาะเส้นเลือดซ้ำ ๆ รวมถึงท่อพลาสติกสามารถทนต่อยาเคมีบำบัดที่มียาขนานแรงได้ ไม่เหมือนหลอดเลือดดำที่แขนซึ่งขนาดเล็ก มักจะทนไม่ได้แล้วจะอักเสบไหม้ หลังจากให้ยาเคมีบำบัด  ดังนั้นการมีพอร์ตจะทำให้ท่านสามารถได้ยาเคมีบำบัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

    ภาพซ้ายแสดงพอร์ตในผู้ป่วยขณะได้ยาเคมีบำบัด  ภาพขวาแสดงสายพอร์ตที่ปลายสายอยู่ที่หัวใจ

    ลักษณะของพอร์ตที่เมื่อยังไม่ฝังในร่างกาย

     

    • ทำไมคุณต้องการพอร์ตสำหรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด?

    การแทงเข็มให้ยาเคมีบำบัดสู่หลอดเลือดดำใหญ่ของคุณได้อย่างง่ายและต่อเนื่อง มีความสะดวกสบายมาก ลดความไม่สบายจากการแทงเข็มหลาย ๆ ครั้งแล้วไม่เข้าหลอดเลือด หรือ เข็มทะลุ  ยาเคมีบำบัดบางประเภทสามารถทำลายผิวหนังและเส้นเลือดขนาดเล็ก ๆ พอร์ตช่วยให้ยาเหล่านั้น โดยเฉพาะยาที่ขนานแรง สามารถให้ได้อย่างปลอดภัย

    ภาพผู้ป่วยที่ได้ยาเคมีบำบัดที่มือแล้วเกิดเส้นไหม้ทรมาน ไม่สามารถให้ยาเคมีบำบัดต่อไปได้

    ภาพแสดงแผลมืออันเป็นผลจากยาเคมีบำบัดรั่ว

     

     

    • ขั้นตอนการทำหัตถการ

     

    การเตรียมตัว: คุณอาจถูกขอให้งดอาหารสักสามชั่วโมงก่อนการดำเนินการ

    ระหว่างการทำหัตถการ: การผ่าตัดจะดำเนินการใต้ยาชาเฉพาะที่แล้ว ลงแผลเล็ก ๆ สองที่ ที่หนึ่งที่หน้าอก เพื่อวาง port และอีกที่บริเวณคอเพื่อสอดท่อเข้าไปในเส้นเลือดดำใหญ่

    ภาพแสดงบรรยายกาศในการทำ ซึ่งมีเครื่องมือจำนวนมาก ในการทำเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยที่สุด รวมถึงอัลตร้าซาวด์และเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปี้ระบบดิจิตอล

     

    หลังการทำหัตถการ: คุณจะถูกสังเกตอาการสักพัก ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหรือคลินิก หลังทำท่านอาจจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยบริเวณผ่าตัด แพทย์จะให้ยาแก้ปวดกับท่าน

     

    • ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน:

    ในขณะที่ทำการผ่าตัดฝั่งพอร์ต โดยทั่วไปเป็นการปลอดภัย ความเสี่ยงที่เป็นไปได้ ได้แก่

    ที่เกิดทันที: เลือดออก, การติดเชื้อ, ลมรั่วออกจากช่องปอด (pneumothorax)

    ที่เกิดภายหลัง: การทำงานของ port ไม่เป็นปกติ, การอุดตัน, หรือการติดเชื้อ

    ติดต่อทางคลินิกได้ตลอดเวลา หากมีข้อกังวลใด ๆ

     

    • หลังจากการดำเนินการ:

    การฟื้นฟู: คุณอาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยที่บริเวณผ่าตัด ซึ่งปกติจะหายไปภายในไม่กี่วัน

    การตรวจสอบ: พอร์ตจะต้องถูกล้างเป็นครั้งคราวเพื่อให้พอร์ตตันเมื่อไม่ใช้งานเกิด 4 สัปดาห์

    การใช้งาน: หลังจากที่หายแล้ว, พอร์ตจะสามารถใช้งานได้สำหรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการรักษาอื่น ๆ ตามที่แนะนำ  แต่พอร์ตบางรุ่นสามารถใช้ได้ทันที

     

    • การดูแล Port-a-Cath ของคุณ:

    ความสะอาด: รักษาแผลบริเวณผ่าตัดให้สะอาดและแห้ง

    ระวังสัญญาณของการติดเชื้อเช่น การแดง, การบวม, หรือความอุ่นรอบ ๆ พอร์ต

     

    • ข้อดีของพอร์ต

     

    มีประสิทธิภาพ: ทำให้กระบวนการเคมีบำบัดเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    มีความทนทาน: สามารถใช้งานได้หลายเดือนหรือหลายปี

    ความสะดวกสบาย: ลดความเครียดและความไม่สบายจากการเจาะเลือดที่แขนบ่อยๆ

     

    คำถามที่พบบ่อย:

    • พอร์ตจะเห็นได้ชัดเจนหรือไม่?

    พอร์ตอยู่ภายใต้ผิวหนัง ดังนั้นไม่เห็นเด่นชัดเหมือน สายที่อยู่นอกร่างกาย ที่เห็นจากภายนอก อาจมีลักษณะเด่นนูนเล็กน้อยที่ถูกวางพอร์ตไว้

    • พอร์ตถูกนำออกอย่างไร?

    หากการรักษาการให้ยาเคมีบำบัดในการรักษามะเร็งของคุณสิ้นสุดลงหรือไม่ต้องการใช้ port อีกต่อไป สามารถถูกนำออกโดยการผ่าตัดเล็กในแบบเดียวกับการฝัง  แต่การทำง่ายกว่าตอนใส่มาก

     

    เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการรักษาที่สำคัญส่วนหนึ่งในการรักษามะเร็ง  ทีมของเราทุ่มเทเพื่อทำให้ท่านสะดวกสบายและการผ่าตัดมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด ติดต่อคลินิกเราได้เสมอ หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวลใด ๆ

    เส้นเลือดขอด

    โรคหลอดเลือดดำลึกอุดตัน

    ยินดีต้อนรับสู่แผนกทางเดินเลือดดำของคลินิกเรา หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ คุณหรือคนที่คุณรักอาจได้รับการวินิจฉัยว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (deep vein thrombosis-DVT) เอกสารข้อมูลนี้ให้ภาพรวมเกี่ยวกับ DVT, ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ และการจัดการ

     

    • ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก คืออะไร?

    DVT เป็นภาวะที่มีการก่อตัวของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำลึก ซึ่งหลอดเลือดดำลึกปกติเป็นหลอดเลือดดำหลักในการพาเลือดจากแขนหรือขากลับเข้าสู่หัวใจ โดยมากโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในขา ซึ่งสามารถปิดกั้นการไหลของเลือด ทำให้เกิดความเจ็บปวดและบวมขา

     

    • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง:

    การนอนราบ อยู่เฉยๆ นาน เช่นการนอนนานหลังผ่าตัดใหญ่

    การผ่าตัดหรือบาดเจ็บเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะในขา เช่นผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า

    ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่าย

    มะเร็งและการรักษามะเร็งบางประเภท

    การตั้งครรภ์และระยะหลังคลอด

    การเดินทางนานๆ เช่นการนั่งเครื่องบินระหว่างประเทศ เกินกว่า 5 ชั่วโมง

     

    • อาการ:

    บวมในขา กดที่บวมแล้วจะบุ๋ม

    เจ็บปวด ตึงในขา และขาร้อน

    ผิวแดงหรือผิวมีสีผิดปกติ

    ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก มีอาการขาบวมกดแล้วบุ๋มจาก DVT


    ผู้ป่วย DVT มีขาขวาบวมรุนแรงจนเท้าเน่า

     

    • ภาวะแทรกซ้อนของ DVT:

    ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดของ DVT คือการแตกของลิ่มเลือดแล้วไปอุดหัวใจและปอด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

    การมีการเน่าของเท้าจากการบวมรุนแรง

     

    • การวินิจฉัย:

    DVT สามารถวินิจฉัยได้ผ่าน:

     

    การอัลตราซาวด์: เป็นวิธีที่ทั่วไปใช้ในการตรวจหาลิ่มเลือด

    การทดสอบจากการเจาะเลือด: วัดสารละลายลิ่มเลือด

    การฉีดสีลงในขาและถ่ายภาพ โดย CT สะแกน

     

     

    ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึกของบริเวณขาหนีบ

    • การรักษา:

    ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ป้องกันการขยายขนาดของลิ่มเลือด

    ยาละลายลิ่มเลือด: เพื่อสลายลิ่มเลือด

    การใส่ตัวกรองในหลอดเลือดดำใหญ่ที่ท้อง  ( IVC filter) เพื่อป้องกันการเดินทางของลิ่มเลือดไปยังปอด

    ใส่ถุงน่องยืด: ลดการบวม

     

    • การป้องกัน:

    ขยับตัว ยืดเส้นยืดสาย บ่อยๆ ระหว่างการเดินทางนาน

    หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนราบนาน นาน

    ใส่ถุงน่องยืด หากได้รับคำแนะนำจากแพทย์

    ดื่มน้ำให้เพียงพอ

    ปฏิบัติคำแนะนำของแพทย์ในการใช้ยาหากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

     

    คำถามที่พบบ่อย:

    • DVT อันตรายต่อชีวิตหรือไม่?

    หากไม่ได้รับการรักษา, DVT สามารถนำไปสู่การอุดกั้นของเส้นเลือดปอด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

    •  ฉันสามารถออกกำลังกายกับ DVT ได้หรือไม่?

     ควรจะปรึกษาแพทย์ การดำเนินกิจกรรมเบาๆ อาจจะทำได้ในขั้นตอนแรก

    ระลึกไว้เสมอว่า การวินิจฉัยที่เร็วและการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการกับ DVT ควรปรึกษากับแพทย์ของคลินิกเรา  ถ้าคุณเกี่ยวกับความกังวลหรือคำถามใดๆ

     

     

    โรคแขนขาบวมจากท่อน้ำเหลืองอุดตัน

    ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์การดูแลของเรา หากคุณกำลังอ่านใบแจ้งข้อมูลนี้ คุณหรือคนที่คุณรู้จักอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคน้ำเหลืองบวมในแขนหรือขา แนวทางนี้จะให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโรคน้ำเหลืองบวมและการจัดการโรค

     

    โรคน้ำเหลืองบวมคืออะไร?

    โรคน้ำเหลืองบวมเป็นโรคเรื้อรังที่แสดงอาการโดยการบวมเนื่องจากการสะสมของน้ำเหลือง โดยเฉพาะในแขนหรือขา มันเกิดจากการกีดขวางหรือการทำงานผิดปกติของระบบน้ำเหลือง ทำให้น้ำเหลืองไม่สามารถระบายออกไปได้อย่างเหมาะสม

     

    สาเหตุของโรคน้ำเหลืองบวมคืออะไร?

    โรคน้ำเหลืองบวมสามารถเป็นได้สองประเภท:

     

    โรคน้ำเหลืองบวมแต่กำเนิด: เป็นภาวะทางพันธุกรรมเนื่องจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง

    โรคน้ำเหลืองบวมที่เกิดจากสาเหตุภายนอก: เกิดจากการทำลายระบบน้ำเหลือง เช่น การผ่าตัด รังสี การติดเชื้อ หรือบาดเจ็บ

     

    อาการ:

    อาการที่พบบ่อยประกอบด้วย:

    การบวมอย่างต่อเนื่องในแขน ขา หรือบริเวณอื่นๆ

    ความรู้สึกว่ามีความหนักหรือตึง

    การจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหว

    ความเจ็บปวดหรือไม่สบาย

    การแข็งและหนาของผิว

    ภาพแสดงผู้ป่วยมีบวมน้ำเหลืองที่ขาทั้งสองข้าง

     

    การจัดการและการรักษา:

    การใส่ถุงน่อง: การสวมถุงน่องสามารถช่วยลดการบวมและปรับปรุงการไหลของน้ำเหลือง

     

    การนวดเพื่อกระตุ้นระบบน้ำเหลือง: ซึ่งเป็นการนวดเฉพาะเพื่อเพิ่มการไหลของน้ำเหลืองและลดการบวม

    การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายง่ายๆ เช่นการเดินเป็นประจำ หายใจเข้าออกลึกๆ สามารถช่วยในการระบายน้ำเหลืองดีขึ้น รวมถึงปรับปรุงความยืดหยุ่นของข้อต่อ

    การดูแลผิวหนัง: การดูแลผิวหนังอย่างดีสามารถป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน

    การรักษาทางการแพทย์แบบครบวงจร: รวมถึงการนวดเพื่อกระตุ้นระบบน้ำเหลือง, การใส่ถุงน่อง, การออกกำลังกาย, การดูแลผิวหนังและการผ่าตัด

     

    การดำรงชีวิตกับโรคน้ำเหลืองบวม:

    ตรวจตัวเองประจำวัน: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงหรืออาการของการติดเชื้อ ผิวหนังจะปวด บวม แดง ร้อน มีไข้

    การยกแขนขา: ยกแขนหรือขาที่เป็นโรคขึ้นเพื่อช่วยการระบายน้ำเหลือง

    ป้องกันแขนหรือขา: หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าแน่น ระวังการบาดเจ็บต่อผิวหนังแขนขาที่บวมน้ำเหลืองเพราะจะติดเชื้อ

     

    คำแนะนำสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน:

    ใส่เสื้อผ้าป้องกัน: รวมถึงการใส่ถุงมือเวลาทำสวนหรือทำอาหารเพื่อป้องกันการเกิดแผล

    รักษาน้ำหนัก: น้ำหนักที่มากเกินไปอาจทำให้โรคน้ำเหลืองบวมแย่ลง

    ดื่มน้ำเปล่าเพียงพอ ทำให้การไหลเวียนโลหิตดี

    หลีกเลี่ยงการวัดความดัน: ในแขน ขาที่เป็นโรค

     

    คำถามที่ถามบ่อย:

    • โรคน้ำเหลืองบวมรักษาหายได้ไหม?

    แม้ว่าจะไม่มีการรักษาให้หายขาด แต่สามารถจัดการและควบคุมอาการได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสม

     

    • ฉันสามารถเดินทางได้ไหม?

    ได้ แต่ควรปรึกษากับนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ โดยเฉพาะสำหรับการบินระยะไกล

     

    โปรดจำไว้ว่า การดำรงชีวิตอยู่กับโรคน้ำเหลืองบวมต้องการการปรับตัว, แต่ด้วยการดูแลและการจัดการที่เหมาะสม, คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและความสมบูรณ์แบบได้ หากมีข้อกังวลหรือคำถามใด ๆ โปรดปรึกษากับแพทย์ของคลินิกเรา

     

    ภาวะขาบวม

     ยินดีต้อนรับสู่แผนกโรคหลอดเลือด หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ แสดงว่าคุณหรือคนที่คุณรักอาจมีอาการขาบวม เอกสารนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับการเข้าใจและจัดการกับสภาพนี้

     

    อาการขาบวมคืออะไร?

    อาการขาบวมเป็นสภาพที่ของเหลวสะสมเกินไปในเนื้อเยื่อของขา ทำให้เกิดการบวม อาการนี้สามารถเกิดที่หนึ่งข้างหรือทั้งสองข้างของขา และสามารถเป็นไปตั้งแต่ระดับเบาจนถึงระดับรุนแรง

     

    สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการขาบวม:

    ยืนหรือนั่งนาน

    การบริโภคเกลือมาก

    โรคอ้วน

    การตั้งครรภ์

    ผลข้างเคียงจากยา

    สูงวัย

    การติดเชื้อ

    การบาดเจ็บ อุบัติเหตุ

    ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดดำ เช่น หลอดเลือดดำอุดตัน

    โรคหัวใจ, ตับ, หรือไต

     

    อาการ:

    ขาตึง ขาขนาดใหญ่

    ขนาดท้องเพิ่มขึ้น (ถ้าเกี่ยวข้องกับโรคตับหรือโรคหัวใจ)

    ความเจ็บปวดหรือไม่สบาย

    ผู้ป่วยมีขาบวมจาก หลอดเลือดดำอุดตัน

     

    การวินิจฉัย:

    แพทย์ของคุณจะทำการตรวจร่างกายและอาจขอให้ทำการทดสอบ เช่น การตรวจเลือด, การตรวจปัสสาวะ, การตรวจอัลตร้าซาวด์, หรือการตรวจเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง

     

    การจัดการและการรักษา:

    • การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ:

    ยกขาขึ้น

    ใส่ถุงยืดเพื่อบีบอัด

    ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ

    การจำกัดการบริโภคเกลือ

    การจัดการน้ำหนัก

    การออกกำลังกายและกายภาพบำบัด

     

    • การป้องกันและการดูแลรักษา:

    พยายามหลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ ครั้ง

    ใส่ถุงน่อง ตามที่แพทย์แนะนำ

    ติดตามและควบคุมน้ำหนักตัว

    บริโภคอาหารที่มีเกลือต่ำ

    ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ

     

    คำถามที่พบบ่อย:

     

    • มีวิธีรักษาที่จะทำให้ขาบวมหายไปได้เลยหรือไม่?

    การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่การรักษาอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดอาการได้

     

    • จะมีอันตรายถ้าปล่อยวางไม่รักษาหรือไม่?

    ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการบวม แต่การไม่รักษาอาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงขึ้น  เช่นถ้าเกิดจากหลอดเลือดดำลึกอุดตัน สามารถเกิดลิ่มเลือดลอยไปอุดปอดได้

     

    ขอให้ทราบว่าการรักษาและดูแลของตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญ หากมีข้อกังวลหรือคำถามใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ของคลินิกเราได้

     

    ภาวะแผลเรื้อรังที่ขา

    ใบแจ้งข้อมูลสำหรับผู้ป่วย: การดำรงชีวิตกับแผลเรื้อรังบนขา

     

    ยินดีต้อนรับสู่แผนกดูแลแผลของคลินิกเรา หากคุณหรือคนที่คุณรักเป็นแผลเรื้อรังบนขา เอกสารนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการเข้าใจ จัดการ และรับมือกับภาวะดังกล่าว

     

    แผลเรื้อรังบนขาคืออะไร?

    แผลเรื้อรังบนขาคือแผลที่ยากต่อการหาย และใช้เวลามากกว่าสามสัปดาห์แผลก็ยังไม่มีทีท่าจะสมาน  โดยส่วนใหญ่จะพบที่ด้านในของขา ใกล้กับข้อเท้า

     

    • สาเหตุของแผลเรื้อรังบนขา:

    สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่:

    การไหลเวียนเลือดไม่ดี เนื่องจากโรคหลอดเลือดแดงหรือโรคหลอดเลือดดำ

    โรคเบาหวาน

    มะเร็งผิวหนัง

    ภาพแสดงแผลเรื้อรังจากโรคเส้นเลือดขอด มีอาการขาดำรอบข้อเท้า ขาบวม แผลมักเนื้อตาตุ่ม

    ภาพแสดงแผลเรื้อรังจากโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน มีเนื้อตาย ปวดอย่างรุนแรง เท้าเย็น

     

    ภาพแสดงแผลเรื้อรังจากโรคเบาหวานมีเท้าชา ตาปลารอบแผล

    ภาพแสดงแผลเรื้อรังจากโรคมะเร็ง ผิวหนังแข็ง มีก้อนขึ้นและมักมีแผลเรื้อรังมาก่อนมานาน

     

    อาการ:

    บวมรอบแผล

    ปวดหรือคันบริเวณแผล

    ผิวหนังเปลี่ยนสีหรือแข็ง

    แผลมีน้ำเหลือหรือหนองออกมาและมีกลิ่นเหม็น

     

    การรักษาคืออะไร

    การรักษามีเป้าหมายเพื่อลดปวด, เร่งการสมาน และป้องกันการกลับมาของแผล:

    การเพิ่มเลือดไปเลี้ยงขา โดยการทานยาหรือผ่าตัด ในกรณีขาขาดเลือด

    ในกรณีแผลจากหลอดเลือดดำ การพันขา ใส่ถุงน่องหรือการทำเลเซอร์เส้นเลือดขอดเป็นการรักษา

    ในกรณีแผลจากเบาหวาน ผู้ป่วยควรคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำแผลและเปลี่ยนรองเท้า

    การผ่าตัดตัดเนื้องอกในกรณีมะเร็งผิวหนัง

     

    ข้อแนะนำสำหรับการดูแลตนเอง:

    ทำความสะอาดและป้องกันแผลด้วยผ้าพันที่เหมาะสม

    รีบไปบพแพทย์ มิฉะนั้นแผลอาจจะลุกลาม เสียขาได้

     

    ภาวะที่อาจเกิดขึ้น:

    ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือจัดการไม่ถูกต้อง แผลอาจนำไปสู่:

    การติดเชื้อ มีฝี ติดเชื้อในกระแสโลหิต

    การเปลี่ยนสีของผิวหนัง เกิดการเน่าตายของผิวหนัง

     

    คำถามที่ถามบ่อย:

     

    • มันเป็นภาวะที่ต้องกังวลไหม?

    ถ้าได้รับการตรวจติดต่อและรักษาอย่างเหมาะสม แผลเรื้อรังบนขาสามารถหายขาดและป้องกันไม่ให้กลับมา

    ภาพซ้ายแสดงแผลจากเส้นเลือดขอด  ภาพขวาแสดงแผลจากเส้นเลือดขอดหลังการรักษา 2 เดือน

     

    ฉันสามารถออกกำลังกาย เมื่อมีแผลบนขาได้หรือไม่?

    สามารถ แต่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับรูปแบบและปริมาณการออกกำลังกายที่เหมาะสม

     

    โปรดระลึกว่าด้วยการดูแลที่เหมาะสมและการจัดการอย่างต่อเนื่อง แผลเรื้อรังบนขาสามารถหายขาดและสามารถลดโอกาสในการกลับมาของแผลได้ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์คลินิกเราเมื่อคุณมีข้อกังวล

    แผลเบาหวานที่เท้าเรื้อรัง

    ยินดีต้อนรับสู่แผนกดูแลเบาหวานของคลินิกเรา  หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้ คุณหรือคนที่คุณรักอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องตัดขาเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะดังกล่าว และแนะนำในการป้องกันและจัดการ

     

    เพราะอะไรผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผลและถูกตัดขา

    ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานาน ซึ่งเห็นได้บ่อยครั้งในผู้ป่วยเบาหวาน สามารถทำให้เกิดความเสียหายที่หลอดเลือดและเส้นประสาท โดยเฉพาะที่ขา ความเสียหายนี้สามารถทำให้เกิดการรับรู้ลดลง การไหลเวียนเลือดไม่ดี และนำไปสู่ต่อการติดเชื้อและแผล หากไม่ได้รับการรักษาแผลจะลามอย่างรวดเร็ว ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจจำเป็นต้องตัดขา

     

    มีอาการแจ้งเตือนอะไรบ้าง:

    ความชาที่เท้า

    เท้าเย็นหรือเปลี่ยนสี

    แผลที่ไม่หายหรือแผลบนเท้า

    ความเจ็บปวดขา, โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

    การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเท้า

    ภาพนี้แสดงแผลที่ฝ่าเท้าและเท้าผิดรูปที่เกิดในผู้ป่วยเบาหวาน

    ภาพแสดงอาการเท้าผิดรูป ที่พบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน

     

    การป้องกันและการดูแล:

    การตรวจเท้าเป็นประจำ: นัดตรวจสุขภาพเป็นประจำกับแพทย์

    การตรวจสอบด้วยตนเองทุกวัน: มองหาแผล ถุงน้ำ ผิวหนังแดงหรือการบวม

    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ตรวจสอบเป็นประจำและปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับยา

    สุขอนามัยของเท้า: ล้างเท้าทุกวันและซับให้แห้งอย่างระมัดระวัด โดยเฉพาะระหว่างนิ้วเท้า

    การทาครีม: รักษาความชื้นให้กับเท้าเพื่อป้องกันผิวแห้งและแตก

    รองเท้าที่เหมาะสม: เลือกรองเท้าที่พอดีและหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: มีผลต่อการไหลเวียนเลือด สูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบตัน

    ภาพแสดงเท้าเบาวานที่มีถุงน้ำ ที่บ่งถึงการติดเชื้ออย่างรุนแรง

     

    การรักษา:

    หากคุณมีแผล การรักษาอาจรวมถึง:

    ยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อ

    การรักษาแผลเพื่อการรักษาแผล

    การผ่าตัดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด

    ในกรณีที่รุนแรง การตัดขาอาจถูกพิจารณาเป็นวิธีสุดท้ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อสู่กระแสโลหิตและเสียชีวิตในที่สุด

     

    การดูแลหลังการตัดขา (หากมี):

    การดูแลแผลและการรักษาสุขอนามัย

    การฟื้นฟูกายภาพเพื่อความคล่องแคล่วและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของร่างกาย

    ให้การประคับประคองด้านอารมณ์และจิตวิทยา เป็นสิ่งที่ปกติที่จะรู้สึกอารมณ์เสียหลังการถูกตัดขา การได้กำลังใจจากนักบำบัด, กลุ่มสนับสนุน, ญาติ หรือคนที่คุณรักอาจเป็นประโยชน์

    ภาพแสดง ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการถูกตัดขาสองข้างหลังจากการติดเชื้ออย่างรุนแรง

     

    คำถามที่พบบ่อย:

    • การตัดขาสามารถป้องกันได้หรือไม่?

    ได้ หากท่านได้รับการตรวจเช็คอย่างรวดเร็วและการดูแลที่เหมาะสม

    • อะไรคือภาวะแผลเท้าเบาหวาน?

    แผลเปิดหรือแผลที่อยู่บนส่วนล่างของเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน

    เราเข้าใจว่าการดูแลภาวะเท้าเบาหวานเป็นขั้นตอนที่สำคัญ และทีมของคลินิกเราทุ่มเทในการทำให้การดูแลเป็นไปอย่างดีและมีประสิทธิภาพที่สุด



    แผลเรื้อรังจากขาขาดเลือด

    การเข้าใจเกี่ยวกับเท้าขาดเลือด

    ยินดีต้อนรับสู่แผนกเท้าขาดเลือดของคลินิกเรา. หากคุณกำลังอ่านสิ่งนี้, คุณหรือคนที่คุณรักอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเท้าขาดเลือด ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้และแนะนำวิธีการจัดการ

     

    เท้าขาดเลือดคืออะไร?

    เท้าขาดเลือดหมายถึงการขาดหรือการลดการไหลเวียนของเลือดไปยังเท้า ซึ่งมักเกิดจากการกีดขวางในหลอดเลือดแดง เลือดที่ไหลเวียนไม่เพียงพอสามารถนำไปสู่ความเจ็บปวด แผลที่ไม่หาย หรือการเน่าตายของเนื้อเยื่อ

     

    สาเหตุของเท้าขาดเลือด:

    หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขาตีบตัน

    การมีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขา

    เบาหวาน

    การสูบบุหรี่

    ความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอล

     

    อาการที่ควรระวัง:

    ความเจ็บปวดหรือเหมื่อยที่น่อง, หรือต้นขา, โดยเฉพาะระหว่างกิจกรรม

    เท้าเย็น

    การเปลี่ยนแปลงสีของผิวเท้า

    แผลที่ไม่หาย

    การสูญเสียขนบนเท้าและขา

    ภาพแสดงปลายนิ้วดำเน่า Gangrene จากการขาขาดเลือดอย่างรุนแรง

     

    การวินิจฉัย:

    แพทย์ของคุณอาจใช้การตรวจร่างกาย, การตรวจเลือด, และการภาพถ่ายรังสี (เช่น การอัลตร้าซาวด์ หรือการฉีดสีโดยเครื่องเอซเรย์คอมพิวเตอร์) เพื่อวินิจฉัยเท้าขาดเลือด

    ภาพถ่ายรังสีจากเอซเรย์คอมพิวเตอร์ แสดงว่ามีหลอดเลือดแดงตันในท้องด้านซ้าย ส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงขาซ้ายน้อยลง

    วิธีการรักษา:

    • เป้าหมายหลักของการรักษาคือการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด โดยการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงขา

    การขยายหลอดเลือด: กระบวนการเปิดหลอดเลือดที่ตีบโดยการถ่างขยายผ่านบอลลูนซึ่งสามารถทำโดยเพียงการแทงเข็มเล็กๆในหลอดเลือดที่ขาหนีบและไปขยายที่ต่างๆ และถ้าขยายโดยบอลลูนไม่สำเร็จการรักษาสามารถทำโดยการใส่ขดลวด

    ภาพซ้ายแสดงหลอดเลือดแดงตีบ ภาพขวาแสดงหลอดเลือดหลังจากถ่างขยายแล้ว

    การผ่าตัดลัดเลือดมาเลี้ยงขา (Bypass): เพื่อเปลี่ยนเส้นทางการไหลเวียนของเลือดรอบ ๆ หลอดเลือดที่ถูกกีดขวาง

    ภาพซ้ายแสดงหลอดเลือดตีบตันที่หลอดเลือดแดงขาซ้ายบริเวณใต้เข่า  ภาพขวาแสดงหลอดเลือดเพิ่มจำนวนมากหลังมีได้รับการผ่าตัดลัดเลือดมาเลี้ยงขา

     

    ส่วนการรักษาร่วมประกอบด้วย:

    ยาเพื่อป้องกันลิ่มเลือด, ควบคุมความดันโลหิต, และบรรเทาอาการปวด

    การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต: หยุดสูบบุหรี่, จัดการเบาหวาน, และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    ในรายที่รุนแรง, อาจต้องตัดขาถ้าขาเน่ามาถึงข้อเท้า

     

    การดูแลเท้าขาดเลือดของคุณ:

     

    ตรวจสอบเท้าของคุณเป็นประจำเพื่อตรวจหาแผลหรือการเปลี่ยนแปลงสี

    รักษาให้เท้าของคุณสะอาดและมีความชื้น

    หลีกเลี่ยงรองเท้าที่แน่นจนเกินไป  ระยะระหว่างปลายนิ้วเท้าถึงปลายรองเท้าจะเว้นไว้ประมาณ 1-2 เซนติเมตร

    ควบคุมโรคอื่น ๆ โดยเฉพาะเบาหวาน

    หยุดสูบบุหรี่, หากคุณสูบบุหรี่

     

     ภาวะที่อาจเกิดขึ้น:

    หากไม่ได้รับการรักษา, เท้าขาดเลือดอาจนำไปสู่:

     

    แผลที่ไม่หาย

    เนื้อตาย

    การติดเชื้อ บ่อยครั้งนำไปสู่การเสียชีวิต

    การตัดขา

    ภาพผู้ป่วยถูกตัดสองขาหลังจากมีแผลเรื้อรังจากขาขาดเลือด

     

     คำถามที่ถามบ่อย:

     

    • ภาวะนี้สามารถกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่?

    การตรวจพบโรคและการรักษาเร็ว สามารถป้องกันไม่ให้มีการตีบตันมากขึ้น  หรือป้องกันการลุกลามของแผล

    • สามารถออกกำลังกายเมื่อมีเท้าขาดเลือดได้หรือไม่?

    สามารถทำได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับรูปแบบและปริมาณการออกกำลังกายที่เหมาะสม

     

    โปรดจำไว้ว่า การตรวจพบโรคและการจัดการอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเท้าขาดเลือด โปรดปรึกษาแพทย์ของคลินิกของเราเสมอหากมีข้อกังวลหรือคำถาม